
นักวิทยาศาสตร์ได้ชี้ว่า บริเวณใต้ทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น
อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะแหล่งของแกสมีเธนไฮเดรท (Methane hydrates)
ซึ่งในบางครั้งบางคราว แรงดันของแหล่งแกสเหล่านี้จะมีมากจนดันผ่านรอยแตกของเปลือกโลกขึ้นมา
มันจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบน ปริมาณของมีเธนไฮเดรทไม่ใช่น้อยๆเหมือนฟองอากาศนี่ครับ
อาณาบริเวณก็ไม่ใช่เล็กๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากปรากฏการณ์นี้จะจมเรือสักสิบลำที่อยู่ในบริเวณนั้นพร้อมๆกันได้ในพริบตา
เจ้ามีเธนไฮเดรทนี้ยังมีทีเด็ดอีกอย่างครับ
คือมันสามารถรบกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้
ทำให้วิทยุสื่อสารตลอดจนเรดาร์หมดประสิทธิภาพในการทำงาน
กลุ่มของควัน ความร้อนที่อบอวลอยู่รอบบริเวณ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกเรือตกใจ
นึกว่าตัวเองหลงเข้าไปในมิติสนธยา
เคยมีการจำลองปรากฏการณ์นี้ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของอเมริกามาแล้ว
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่พอใจกับคำตอบนี้
แต่มีข้อสังเกตอยู่นิดหนึ่งว่า
ทะเลในบริเวณอื่นที่มีแหล่งมีเธนไฮเดรทก็มีอยู่ถมถืด
บางที่อุดมสมบูรณ์กว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าด้วยซ้ำ แล้วทำไมสถิติการสูญหายจึงมีน้อยมากจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มี เมื่อมาเปรียบเทียบกับสามเหลี่ยมเจ้ากรรมแห่งนี้
อ๋อ.. คำตอบง่ายมากครับ นักวิทยาศาสตร์เจ้าของทฤษฎีเค้าตอบมา
ก็เพราะการสัญจรผ่านน่านน้ำสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ามันหนาแน่นกว่าที่อื่นน่ะสิ
สถิติการสูญหายถึงได้เพียบกว่าที่อื่น
จะว่าอย่างนั้นมันก็ถูกอยู่ครับ เพราะบางที ธรรมชาติเองก็มีความพิสดารในตัวของมันอยู่
บางทีเบื้องหลังของความลึกลับดำมืด อาจมีคำตอบที่แสนง่ายไม่ซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้เค้ายึดทฤษฎีนี้แหละครับเป็นหลัก
ใน การตอบปัญหาของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ปมปริศนายังมีมากกว่าที่คิดแยะเลย ปรากฏการณ์ระเบิดของแกสมีเธนไฮเดรท ยังไม่สร้างความพึงพอใจนักสำหรับผู้สนใจบางคน
กล่าวกันว่าภยันตรายที่เกิดขึ้นในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น
ส่วนหนึ่งมาจากฝีมือของสิ่งบินลึกลับ ซึ่งเรารู้จักกันดีในนามของ UFOs ครับ
คนที่กล่าวเช่นนี้เค้าก็มีเหตุผลน่าสนใจอยู่ เพราะมีการอ้างสถิติมากมายเป็นกระบุงโกยว่า
ใน บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น นักเดินเรือ หรือ นักบิน มักพบเห็น UFOs ถี่และบ่อยเป็นพิเศษ บางกรณีมีสถานี้เรด้าชายฝั่งร่วมเป็นพยานอีกด้วย ว่านอกจากสัญญาณของเครื่องบินลำดังกล่าวแล้ว
เรด้าของสถานียังจับสัญญาณวัตถุลึกลับได้ ก็นับว่าหนักแน่นน่าฟังอยู่เหมือนกันครับ
ความเชื่อเกี่ยวกับ UFOs หรือจานบินนั้น นักวิชาการหลายคนต่างเห็นพ้องว่ามันมีอยู่จริง
นอก จากมีอยู่แล้วยังเคยลงมาที่โลกบ่อยๆอีกด้วยครับ แต่คนคัดค้านก็มากพอๆกัน ทั้งสองฝ่ายต่างหาหลักฐานมาโจมตีโต้ตอบกันตลอดเวลา ปะเหมาะเคราะห์ดีก็เหน็บแนมกันอย่างสนุกสนาน
ถึงกระนั้นก็ตาม รายงานการพบเห็น UFOs เหนือบริเวณน่านน้ำสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ก็มีอยู่มากมายนับพันๆราย แถมบางรายมีการบันทึกภาพเอาไว้ได้อย่างเป็นกิจลักษณะ แต่ก็นั่นแหละครับ
ท้ายที่สุด ข่าวที่ออกมาก็กลายเป็นว่า มองเห็นภาพลวงตา หรือไม่ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอื่นๆเท่านั้นเอง
ก็อยากจะลงรายละเอียดให้มันมากกว่านี้อยู่หรอกครับ แต่ข่าวการพบเจอ UFOs ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้นมีมากเหลือเกิน

เรียกว่ามากกว่าพื้นที่อื่นใดในโลกเลยก็ว่าได้ UFOs ที่พบก็หลากรูปแบบเอามากๆ
มี ทั้งพบเห็นบนพื้นดิน บนท้องฟ้า เหนือผืนน้ำ บินจากท้องฟ้าสู่ใต้ทะเล หรือแม้แต่พุ่งจากใต้ทะเลขึ้นบนท้องฟ้า และเนื่องจากมีรายงานข่าวการพบ UFOs ในบริเวณนี้มากผิดปกตินั่นเอง
นักค้นคว้าส่วนใหญ่จึงพากันสรุปว่า สาเหตุที่เรือและเครื่องบินสาบสูญไปอย่างลึกลับนั้น ต้องมีสาเหตุส่วนหนึ่งจาก UFOs เป็นแม่นมั่น
สนใจ ก็หาหนังสือของ ชาร์ลส์ เบอร์ลิซ, ดร.อิวาน ที แซนเดอร์สัน, ดร.แมนสัน วาเลนไทน์มาอ่านกันได้เลยครับ รับรองรายละเอียดแยะจนคุณต้องจุก ส่วนใหญ่มีแปลเป็นภาษาไทยแล้ว
เห็นจะต้องจบแล้วล่ะครับ สำหรับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าฉบับย่นย่อ(ย่อจริงๆ) อ้อ ยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเหลืออีกนิดครับ คือ ทวีปแอตแลนติส ที่หลายคนตั้งสมมุติฐานว่า น่าจะอยู่ในบริเวณที่เป็นสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าในปัจจุบัน ขอยกยอดไปเล่ากันในตอนหลังละกันนะครับ วันนี้ขอลาไปก่อน ได้รายละเอียดมากกว่านี้แล้วจะนำมาลง ขอบคุณครับ สำหรับท่านที่แวะเข้ามาชม
ที่มา : http://student.cs.kku.ac.th/46/g5/o11.html
วัน ที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 : เครื่องบินท้องระเบิดแบบ TBM ของกองทัพเรือสหรัฐจำนวน 5 เครื่อง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง 14 นาย หายไปขณะฝึกบินทิ้งระเบิดเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ห่างจากฐานทัพฟอร์ท ล๊อดเดอร์เดล ประมาณ 225 ไมล์
http://www.pramool.com:5050/.8/r788293-57.jpg
วัน ที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 : เครื่องบินช่วยเหลือผู้ประสบภัย มาร์ตินน มารีน แบบ PBM พร้อมพลประจำเครื่อง 13 นาย ได้หายไปประมาณ 20 นาที หลังจากบินไปทำการช่วยเหลือเครื่องบินฝึกทิ้งระเบิดแบบ TBM จำนวน 5 เครื่องที่ขาดการติดต่อกับ หอบังคับการณ์และหายไปอย่างลึกลับ
วันที่ 3 กรกฏาคม ค.ศ. 1967 : เครื่องบินลำเลียงพลแบบ G-54 ของกองทัพบกสหรัฐหายไปห่างจากเบอร์มิวดา ขึ้นมาทางเหนือประมาณ 100 ไมล์
วัน ที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1948 : เครื่องบินโดยสารชื่อสตาร์ไทยเกอร์ เป็นเครื่องบินสี่เครื่องยนต์แบบทิวเดอร์-4 ของอังกฤษหายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาพร้อมกับชีวิตของเจ้าหน้าที่ และผู้โดยสาร 31 คน
วันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1948 : เครื่องบินโดยสารชาร์เตอร์ ส่วนบุคคล แบบ DC-3 หายไประหว่างซานฮวนกับไมอามี่ พร้อมพนักงานประจะเครื่องและผู้โดยสาร 32 คน
วันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1949 : เครื่องบินโดยสาร สตาร์ แอเรียล ของอังกฤษ บินจากลอนดอนไปซานดิเอโก โดยผ่านทาง จาไมกา เครื่องบินได้หายไปในบริเวณสามเหลี่ยม เบอร์มิวดาในระหว่างเส้นทางไปยังคิงส์ตัน
วันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1950 : เครื่องบิน โกล๊ปมาสเตอร์ ของสหรัฐอเมริกา หายไปทางตอนเหนือของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ขณะมุ่งบินไปสู่ไอร์แลนด์
วัน ที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1950 : เครื่องบินโดยสารของบริษัทเดินอากาศยอร์คแห่งอังกฤษหายไปในบริเวณสามเหลี่ยม เบอร์มิวดา พร้อมผู้โดยสาร 33 คน
วันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1954 : เครื่องบินแบบ ซุปเปอร์คอนสเตลเลชั่น ของสหรัฐ หายไปพร้อมผู้โดยสาร 42 คน ในบริเวณเดียวกับจุดที่ฝูงบิน ที่ 19 สูญหายทั้ง 5 เครื่องมาก่อน
วัน ที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1956 : เครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพเรือสหรัฐแบบ P5M หายไปใกล้ ๆ กับเบอร์มิวดา พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องอีก 10 นาย
วัน ที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1962 : เครื่องบินบันทุกน้ำมันสำหรับเติมน้ำมันกลางอากาศแบบ KB-50 ของสหรัฐ ได้หายไปอย่างลึกลับ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
วันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1963 : เครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐสี่เครื่องยนต์แบบ KC-135 จำนวนสองเครื่อง หายไปทางทิศตะวันตกห่างจาก สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาราว 300 ไมล์
http://www.pramool.com:5050/.8/r788293-56.jpg
วันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1965 : เครื่องบินโดยสารขนาดกลางแบบ C-119 หายไปใกล้ ๆ กับเบอร์มิวดา พร้อมด้วยผู้โดยสาร 10 คน
5 เมษายน ค.ศ. 1956 : เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบทันสมัย B-52 ของสหรัฐ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้า หายไปตรงจุดศูนย์กลาง ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา พร้อมทั้งชีวิตของชีวิตของนักบินทั้ง 3 นาย
วัน ที่ 11 มกราคม 1967 : เครื่องบินแบบ YC-122ซึ่งดัดแปลงเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้าหายไปพร้อมกับพนักงานประจำ เครื่อง 4 นาย ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ใกล้ ๆ กับาฮามัส
วัน ที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1963 : : เครื่องบินแบบ C-132 ซึ่งเป็นเครื่องบินบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ หายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ตอนใดตอนหนึ่งระหว่างทางสู่ แอโซเรส
เหตุการณ์สำตัญต่าง ๆ ของเรือเดินสมุทรที่หายไปเหนือดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
ใน ปี ค.ศ. 1840 : เรือสินค้าขนาดใหญ่ของฝรั่งเศษชื่อ โรซาลี่ ได้หายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาระหว่างเดินทางจากยุโรปไปฮานาวา โดยไม่มีผู้ใดเหลือชีวิตรอดพอที่จะบอกเรื่องราวให้ฟังได้
ในปี ค.ศ. 1840 : เรือลาดตระเวณอังกฤษชื่อ แอ๊ตตาแลนตา หายไปอย่างลึกลับไม่ห่างจากเบอร์มิวดานักพร้อมทั้งทหารประจำเรือ 290 นาย
วัน ที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1902 : เรือเยรมันชื่อ เฟรย่า มีผู้พบทอดสมออยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่บนเรือลำนั้น จากปฏิทินฉีกประจำวันในห้องกัปตันระบุเป็นวันที่ 4 ตุลาคม 1902
วันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1998 : : เรือบรรทุกอุปกรณ์และสินค้าชื่อ ไซคล๊อปส์ เป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ มีความยาว 500 ฟุต และระวางขับน้ำ 1900ตัน หายไปอย่างไร้ร่องรอยในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาพร้อมด้วยชีวิตลูกเรือและ ผู้โดยสาร
กลางเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1925 : เรือโคโทแพ็คซี หายไปในดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ในระหว่างเดินทางจากซาร์ลตันสู่ฮานาวา
ใน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1932 : เรือใบ 21 ลำชื่อ จอนและแมรี่ เป็นเรือที่ขึ้นทะเบียนในนิวยอร์คทั้งสองลำมีผู้พบลอยละล่องใกล้ ๆ กันอยู่ในบริเวณเบอร์มิวดาใบเรือทั้งสองลำถูกลดลงจากเสา
เรียบร้อยแล้ว
วัน ที่ 22 ตุลาคม ค.ศ.1944 : เรือยอร์จ ชื่อ กลอเรียโคไลท์ มีผู้พบถูกปล่อยให้ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทรในบริเวณสามเหลี่ยม เบอร์มิวดา สิ่งของเครื่องใช้ทุกอย่างในเรืออยู่อย่างเป็นระเบียบ และของ
มีค่ายังอยู่ครบถ้วน
ใน เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1950 : เรือบรรทุกสินค้ายาวชื่อแซนดรา ได้หายไปบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแถวเปอร์โตริโกอย่างไม่มีร่องรอยใด ๆ พร้อมชีวิตลูกเรือทั้งหมดและสินค้าอีก 300 ตัน
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1955 : เรือยอร์จชื่อ คันแนมาร่าที่ 4 ได้หายไปอย่างลึกลับประมาณ 400 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเบอร์มิวดา
วัน ที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1963 : เรือเดินทะเลขนาดยักษ์ซึ่งมีความยาวถึง 425 ฟุต ชื่อมารีน ซัลเฟอร์ ควีน ได้หายไปอย่างไม่มีร่องรอยใด ๆ
วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1963 : เรือจับปลาชื่อ โชบอยหายไปพร้อมด้วยลูกเรือ 4 คนโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ เหลือให้เห็น
ใน ปี ค.ศ. 1942 : เรือโดยสารญี่ปุ่นชื่อ ไรฟูกุ มารู ได้วิทยุขอความช่วยเหลือขณะที่วิ่งอยู่ระหว่างคิวบาและบาฮามัส แต่แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในปี ค.ศ. 1931 : เรือสินค้า สตาฟเวํงเยอร์ หายไประหว่างบาฮามัสและ แค็ต ไอร์แลน พร้อมด้วยชีวิตลูกเรือ 43 คน
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1938 : เรือแองโกล-ออสเตรเลียน ได้หายไปทางใต้ของแอโซซเรส พร้อมด้วยชีวิตลูกเรือ 39 ชีวิต
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1967 : เรือยอร์จขนาด 46 ฟุต ชื่อ เรโวน๊อค หายไปอย่างปราศจากร่องรอย
วันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1967 : เรือยอร์จ วิชคร๊าฟ หายไปอย่างปราศจากร่องรอยนอกฝั่งไมอามี พร้อมกับชีวิตเจ้าของเรือและผู้โดยสาร
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1970 : เรือมิลตัน เอไทรด์ หายไปอย่างไร้ร่องรอยบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1973 : เรือเดินทะเลขนาดใหญ่ระวางขับน้ำ 20000ตัน ได้หายไปพร้อมกับชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด


 






